ในยุคปัจจุบันที่ อะไร ๆ ก็ดูจะเป็นไปอย่างง่ายดาย และสะดวกรวดเร็วไปเสียหมด คำว่า FWB และ ONS ก็คงไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร… ไม่เพียงแต่วิถีชีวิต ความเป็นอยู่ของผู้คนที่ปรับเปลี่ยนไปตามกระแสสังคม แม้แต่ค่านิยม หรือทัศนคติของคนก็เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน อย่างเช่นเรื่องของความสัมพันธ์ ที่เดิมทัศนคติของคนในอดีตจะมองหาความสัมพันธ์ที่เป็นความยั่งยืนถาวร สามารถคบหากันจนลงหลักปักฐาน สร้างครอบครัวร่วมกันได้ แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป เมื่อเกิดรูปแบบค่านิยมใหม่ที่ไม่ต้องการผูกมัด ไม่ต้องการเป็นเจ้าของ หรือถูกครอบครอง รวมไปถึงการทำความรู้จักกัน ก็ถือเป็นเรื่องง่ายดายกว่าเมื่อก่อนเยอะมากๆ เพราะสื่อโซเชี่ยว และ แอพที่ตอบสนองความต้องการได้เป็นอิย่างดี ยกตัวอย่างเช่น การนัดบอด ในประเทศเกาหลี หรือที่ในไทยเอง ก็เรียกว่านัดเดทผ่านแอพหาคู่นั้นเอง : นัดบอด (blind date) วัฒนธรรมนัดเดทเกาหลี สู่ไทย
แน่นอนว่ามนุษย์ยังคงต้องการความอบอุ่นตามสัญชาตญาณอยู่ แต่การผูกมัดอย่างถาวรนั้นไม่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานเพื่อตนเอง เพราะการผูกมัด มาพร้อมภาระหน้าที่และความคาดหวัง ผู้คนจำนวนหนึ่งในยุคปัจจุบันจึงหันไปหารูปแบบความสัมพันธ์แบบไม่ผูกมัด แต่ยังให้ความสุขแก่กันและกันได้อยู่
FWB (Friend with Benefits) คืออะไร
FWB ย่อมาจาก Friend with Benefits หรือ FBW เป็นนิยามความสัมพันธ์รูปแบบหนึ่งที่แพร่หลายในสังคมตะวันตก และถูกนำเสนอผ่านภาพยนตร์ต่างประเทศหลายเรื่อง นำไปสู่การรับรู้ และมีผู้ยึดถือค่านิยมนี้มากขึ้นในปัจจุบัน สำหรับในแง่ความหมาย เมื่อแปลตรงตัวจากคำในภาษาอังกฤษ Friend with Benefits จะหมายถึง “เพื่อน” ให้เอื้อประโยชน์ต่อกันในหลาย ๆ ด้าน แน่นอนว่าหมายรวมถึงเรื่องเพศสัมพันธ์ด้วย งานวิจัยในต่างประเทศ ยืนยันว่าคนรุ่นใหม่มีแนวโน้มจะมีความสัมพันธ์ในรูปแบบนี้มากขึ้น เนื่องด้วยเหตุผลหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเนื้อสร้างตัวที่ยากขึ้นจนไม่สามารถวางแผนสร้างครอบครัวในระยะเวลาอันสั้น หรืออุดมคติต่อความเป็นครอบครัวที่เปลี่ยนไปเพราะมีอัตราการหย่าร้างสูงขึ้น รวมไปถึงความรู้สึกหวงแหนอิสระ ดังนั้น รูปแบบความสัมพันธ์แบบ Friend with Benefits จึงต้องมาจากความเห็นพ้องต้องกันของคนคู่หนึ่งที่ไม่ต้องการผูกมัด แต่ต้องการเป็นความสุขของกันและกันในชั่วเวลาหนึ่ง
งานวิจัยเกี่ยวกับ FWB
คำถามคือ ปลายทางของความสัมพันธ์รูปแบบนี้คืออะไร คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้กล่าวถึงผลลัพธ์ของความสัมพันธ์ในรูปแบบนี้ เผยแพร่ผ่านเพจเฟซบุ๊ก โดยอ้างอิงงานวิจัยจากต่างประเทศ ว่า 1 ใน 3 ของกลุ่มตัวอย่างที่เป็นนักศึกษาชาวอเมริกัน สามารถกลับมาเป็นเพื่อนกับเพื่อนที่เคยมีสถานะได้ แม้จะออกจากความสัมพันธ์ FWB ลงแล้ว แต่อาจไม่สนิทใจอย่างเดิม และยังมีอีกถึง 15% ที่พบว่าเพื่อนแบบ Friend with Benefits ทำให้คนสองคนได้ทดลองใช้ชีวิตร่วมกันอย่างไม่ผูกมัด จึงมีอิสระ และมองเห็นข้อดี ข้อด้อยกันอย่างแท้จริง ทำให้เข้าใจกันจนพัฒนาไปสู่การเป็นคู่รักอย่างจริงจังได้
แล้วถ้าความสัมพันธ์นี้มีใครคนหนึ่งคิดอยากจริงจังเพียงฝ่ายเดียว โดยที่อีกฝ่ายไม่รู้สึกแบบนั้นล่ะ คำตอบก็คงลงเอยที่การจบความสัมพันธ์ลง คนที่รู้สึกมากกว่าสถานะที่เป็นอยู่ ก็อาจต้องเจ็บปวด ความสัมพันธ์แบบ Friend with Benefits นี้ จึงอยู่กึ่งกลางระหว่างปลายทางที่เป็นความผูกพันในระยะยาว กับการมีความสุขร่วมกันแค่ชั่วเวลาหนึ่งแล้วผ่านเลยไป แต่หากไม่อยากมีความผูกพัน ไม่อยากเป็นเพื่อนกัน แค่อยากมีคู่นอนสนองความต้องการเท่านั้นแล้วผ่านไป มีความสัมพันธ์แบบนั้นหรือไม่ คำตอบก็คือมี…นั่นคืออีกรูปแบบความสัมพันธ์หนึ่งที่เรียกว่า One Night Stand
ONS (One Night Stand) คืออะไร
One Night Stand หรือที่เรียกโดยย่อว่า ONS อาจนิยามได้ว่า เป็น “รักแท้แค่คืนเดียว” หรือ “รักสนุกแบบไม่ผูกพัน” รูปแบบความสัมพันธ์แบบไม่ผูกมัด เกิดขึ้น และจบลงไวที่สุด ด้วยความหมาย One Night Stand หมายถึง การละเล่นที่เกิดขึ้นเพียงคืนเดียว เมื่อเปรียบเทียบกับความสัมพันธ์ ก็คือความสัมพันธ์ที่คนคู่หนึ่งร่วมหลับนอนกันเพียงคืนเดียวแล้วแยกย้ายจากกันโดยไม่จำเป็นต้องสานสัมพันธ์ต่อ ดังนั้น คนที่จะมีความสัมพันธ์แบบ One Night Stand ต้องยินยอมพร้อมรับการที่คู่นอนของคุณอาจหายหน้าไปเมื่อยามเช้ามาถึง แม้ว่าจะผ่านค่ำคืนที่ดีแค่ไหน มันอาจลงเอยด้วยการที่ทั้งคุณและเขาต่างจำชื่อกันและกันไม่ได้ หรือไม่มีแม้แต่การแลกไลน์กันไว้สานสัมพันธ์ต่อ สุดท้ายแล้วมันก็จะเป็นการประสบการณ์สนุก ๆ ที่แปลกใหม่อีกครั้งหนึ่งของชีวิต แต่ไม่ได้มีความหมายมากไปกว่านั้น
ที่สำคัญที่สุด คือคนที่มีความสัมพันธ์แบบ One Night Stand อาจเสี่ยงต่อการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หากไม่ป้องกัน เพราะคุณไม่มีทางรู้เลยว่าคู่นอนคนที่คุณอาจจะเพิ่งเจอกันที่บาร์ หรืองานสังสรรค์งานใดงานหนึ่ง มีความสัมพันธ์กับใครมาก่อนแล้วบ้าง และปลอกภัยหรือไม่ ดังนั้น ไม่ว่าจะอยู่ในอารมณ์หลงใหลแค่ไหนก็อย่าลืมป้องกันทุกครั้ง ทั้งป้องกันร่างกายให้ปลอดภัย และป้องกันใจให้ไม่หวั่นไหวจนถลำตัวลงไปคิดอยากผูกพันกับคู่นอนแบบ One Night Stand
3 ข้อควรรู้ ก่อนจะมีความสัมพันธ์แบบ FWB
หากใครที่ตกลงปลงใจแล้วว่าอยากจะลองมีความสัมพันธ์แบบ FWB ดูบ้าง วันนี้เราก็ได้รวบรวมข้อแนะนำดี ๆ ที่ควรรู้ก่อนจะมีความสัมพันธ์แบบ FWB มาฝากกัน เริ่มด้วย
1. เช็กสถานะให้ดี เพื่อนคนนี้ “โสด” หรือแค่อยู่ในโหมด “พักร้อน”
แน่นอนว่าทุกคนต่างก็มีเหตุผลของตัวเองที่ยังไม่อยากผูกมัดกับใคร แต่ถ้ามันเป็นเหตุผลที่ไม่เป็นไปอย่างที่คิด เช่น เขาอาจจะอยู่ในช่วงระหองระแหงกับแฟน หรือคู่ชีวิตที่ตกลงปลงใจแต่งงานกันไปแล้ว และยังไม่มีการเลิกราแบบจริงจัง แล้วยังมาสานสัมพันธ์แบบ FWB กับคุณอีก สุดท้ายคุณอาจตกเป็นมือที่สามในความสัมพันธ์ของคนอื่นโดยไม่ตั้งใจ และเรื่องอาจเลวร้ายไปอีกขั้นหากอีกฝ่ายมีทะเบียนสมรส ดังนั้น การเช็กสถานะว่าอีกฝ่ายโสดจริงหรือไม่ก็ยังถือว่ามีความจำเป็น แม้ในความสัมพันธ์แบบ FWB นี้
2. อย่าเอาใจลงไปเล่น
อย่าลืมเสียล่ะ ว่าสิ่งที่อันตรายที่สุดคือ “ใจ” ของคน เพราะถ้าหากใจของคนสองคนไม่ตรงกันแล้ว นั่นย่อมนำไปสู่ผลเสียมากกว่าผลดี มีหลายคนที่ไม่ประทับใจกับความสัมพันธ์แบบ FWB เพราะเอาใจลงไปเล่น พยายามคิดหาความหมายกับทุกอย่างที่อีกฝ่ายทำให้ จนเผลอรู้สึกมากเกินกว่าที่อีกคนหนึ่งรู้สึก สุดท้ายเมื่อมันจบลงก็รู้สึกไร้ค่า และว่างเปล่า ทำให้สูญเสียความมั่นใจในตัวเอง เพราะฉะนั้น โปรดจำไว้ว่าในเรื่องของความสัมพันธ์แบบ FWB จะยังไม่มีความยั่งยืนใด ๆ เกิดขึ้น จนกว่าจะมีการพูดคุยตกลงกันอย่างชัดเจนว่าจะพัฒนาต่อไป
3. รู้จักป้องกัน
ไม่เพียงแต่ความสัมพันธ์แบบ ONS เท่านั้นที่ประมาทไม่ได้ ความสัมพันธ์แบบ FWB ก็เช่นกัน ดังนั้น เมื่อคุณกำลังสานสัมพันธ์กับคนที่มีแนวโน้มผ่านคู่นอนมามาก มันคงจะดีกว่าหากคุณป้องกันตัวเองให้ปลอดภัยไว้ และปฏิเสธการมีเพศสัมพันธ์โดยปราศจากการป้องกัน
ความแตกต่างระหว่าง FWB และ ONS
จากที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ไม่ว่าจะเป็น Friend with Benefits (FWB) หรือ One Night Stand (ONS) ต่างก็อยู่บนจุดของความสัมพันธ์ที่ยังไม่นับว่าเป็น “คู่รัก” หรือ “คู่จริง” แต่มีสถานะเป็น “คู่ควง” แบบ FWB หรือ “คู่นอน” แบบ ONS ดังนั้น ความแตกต่างระหว่าง FWB และ ONS อยู่ที่จุดเริ่มต้น และจุดมุ่งหมายที่แตกต่างกัน กล่าวคือ FWB มีแนวโน้มที่จะเริ่มจากเคมีที่เข้ากัน หรือความประทับใจที่มีต่อกันจนอยากรู้จักกันมากขึ้น เช่น มีการออกไปกินข้าว ทำกิจกรรมร่วมกัน แล้วจบลงบนเตียงด้วยกัน แต่ยังไม่อยากลงลึกจนมีแบบนี้ไปทุกคืน ซึ่งก็ยังพอมีแนวโน้มที่จะมีความทรงจำที่ดีต่อกันได้ไม่ว่าจะจบลงแบบไหน ในขณะที่ ONS มีแนวโน้มมากกว่าที่ความสัมพันธ์จะจบลงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และวันหนึ่งคุณกับคู่นอนคืนเดียวของคุณอาจกลายเป็นคนแปลกหน้าของกันและกันไปโดยปริยาย
บทสรุป FWB และ ONS
ในโลกของความสัมพันธ์ ทั้ง FWB และ ONS ต่างก็มีเงื่อนไขที่ชัดเจนอยู่แล้ว เป็นเรื่องที่ไม่มีถูก หรือผิด อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่ยอมรับเงื่อนไขของความสัมพันธ์ได้มันอาจเป็นความสนุกตื่นเต้นอีกรูปแบบหนึ่ง ที่นำคุณไปสู่ค่ำคืนโรแมนติก หรือนำไปสู่ค่ำคืนที่รู้สึกเหมือนได้สินค้าไม่ตรงปก ซึ่งคุณคงรู้สึกว่าดีแล้วที่ไม่ได้ถลำลึกไปมากกว่านี้ ดังนั้น ข้อสำคัญคือไม่ว่าจะเลือกแบบไหน คุณควรมีสติอยู่เสมอ และควรรู้ว่าตัวเองกำลังยืนอยู่บนจุดไหนของความสัมพันธ์กันแน่ เพราะหลุมที่ขึ้นมาได้ยากที่สุด คือหลุมที่คุณขุดเอาไว้ด้วยตัวเอง การมีสติและเข้าใจจุดเริ่มต้นและความเป็นไปของความสัมพันธ์นั้นเป็นเครื่องป้องกันความผิดหวังได้ แต่ก็อย่ากังวลกับความผิดหวังมากเกินจะเริ่มต้นความสัมพันธ์กับใคร เพราะในท้ายที่สุดแล้วไม่ว่าจะเลือกความสัมพันธ์แบบไหน และจะจบอย่างไร มันก็เป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ เป็นส่วนหนึ่งในการเรียนรู้และเติบโตของคุณเอง และอย่าลืมว่าตัวคุณเองมีคุณค่าพอที่จะได้รับความรักที่ดี ในท้ายที่สุดอย่างแน่นอน